บทความก่อนหน้านี้ผมได้อธิบายเกี่ยวกับ การดูแลคอมพิวเตอร์ กันไปแล้ว ว่าสำคัญกับบริษัทของคุณอย่างไรกันบ้าง อีกสิ่งหนึ่งที่ควบคู่กับระบบคอมพิวเตอร์นั้นก็หนี้ไม่พ้นระบบปฏิบัติการ ซึ่งระบบที่ยอดฮิตติดตราตึงใจ ผมคิดว่ากว่า 99% ต้องรู้จักอย่างแน่นอน นั้นคือ คือ คือ Windows นั้นเองครับ ก็สุดแล้วแต่ว่าจะใช้ Windows เวอร์ชั่นอะไร
ซึ่งผมเชื่อว่าบริษัทส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบว่า Windows ที่ใช้กันอยู่จะเป็น เวอร์ชั่นจริง หรือ เถื่อนกันแน่ หรือ เอ๊ะ !! อาจจะทราบ แต่นิ่งนอนใจที่จะใช้ของเถื่อนกันอยู่ซึ่งในทางกฎหมายนั้นถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และ อาจจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางด้านธุรกรรมการเงินและข้อมูลความลับต่างๆของผู้ใช้อย่างมาก
แล้วเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง Windows จะรู้ได้ไงละ ว่าคุณใช้ของเถื่อน ?
- เจ้าของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์วางระบบไว้ในซอฟต์แวร์เพื่อทำให้ทราบข้อมูลการใช้งาน
- สามารถตรวจสอบข้อมูลของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ซอฟต์แวร์หากไม่มีประวัติการซื้อทางเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถยืนตรวจสอบได้
- คนภายในที่ทราบข้อมูลและแจ้งไปทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหวังรางวัลนำจับ
ถ้าตรวจเจอแล้วจะโดนค่าอะไรบ้าง และจะต่อรองอะไรบ้าง ?
1. ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการละเมิดลิขสิทธิ์
2. ค่าดำเนินการทางกฎหมาย (ประมาณ 300,000 บาท)
3. ค่าใช้จ่ายในการขอเข้าตรวจสอบอีกครั้ง ภายในสองปี (ประมาณ 200,000/ครั้ง)
4. ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนให้ใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ (ประมาณ 200,000 บาท)
แต่ก่อนจะถูกดำเนินคดีนั้นจะมีการไกล่เกลี่ยก่อน !
การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เป็นทั้งคดีแพ่ง และอาญา
แนวทางป้องกันดูแลแก้ไข
1. หมั่นตรวจสอบระบบไอทีของบริษัทหากบริษัทไม่มีฝ่ายไอทีก็สามารถจ้าง IT Outsourcing ที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดูแล แถมยังถูกกว่า เชี่ยวชาญกว่า เหมือนจ้างพนักงานไอทีทั้งแผนกเลยละครับ
2. ใช้ซอฟตซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เพราะปัจจุบันมีบริการให้เช่าเป็นรายปีแถมมีหลายประเภทให้เลือกเรียกว่าคุ้มค่า เหมาะสมกับการทำงานโดยสามารถติดต่อกับตตัวแทนจำหน่ายได้เลยครับ
สรุป
เราสนับสนุนให้ใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เพราะลงทุนน้อยใช้งานได้อย่างชาญฉลาด ความปลอดภัยในบริษัทก็จะสูงขึ้นด้วย ดีกว่าใช้ของเถื่อนแล้วโดนปรับทีหลัง อันนี้ไม่คุ้มเลยนะครับผม